วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความแตกต่างหระหว่าง Google Maps กับ Google Street View


 GoogleMaps

คือบริการเกี่ยวกับแผนที่ผ่านเว็บบราวเซอร์ของGoogleเราสามารถเปิดเว็บไซต์จากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ เพื่อเปิดใช้บริการแผนที่ของGoogleMaps


ความสามารถของ Google maps กับงานช่าง และงานท้องถิ่น เช่น
1. สามารถใช้วางแผนการเดินทางได้
2. สามารถตรวจสอบระยะทางถนนได้
3. สามารถตรวจสอบความกว้างยาว ของพื้นที่ ต่างๆ ได้
4. สามารถตรวจสอบเนื้อที่ ของพื้นที่ ที่เราต้องการได้
5. สามารถนำแผนที่ไปใช้งานได้ในเว็บของเราเอง เช่นกำหนดที่ตั้งของ อบต.
6. สามารถประยุกต์สร้างฐานข้อมูลเพื่อการใช้งานเช่น ระบบแผนที่ภาษีได้
http://www.gpsthaionline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=64:google-map&catid=39:gps-maps&Itemid=49


Google Street View คืออะไร 
 กูเกิ้ล สตรีท วิว นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Google Map โดยการใช้งานจะเป็นการเชื่อมต่อกัน เมื่อเราทำการ Zoom in แผนทีไปที่ ขนาด 20ม. ต่อ 100ฟุต (ใหญ่สุด) และเมื่อเรา Zoom in ต่อไปอีกก็จะพบกับ Mode Street View ที่เป็นภาพถ่ายแบบ 360 องศา มุมมอง 45 องศาจากทาอากาศ และสามารถดูสิ่งปลูกสร้าง 3 มิติได้ทั้งหมด การเก็บภาพนั้นเป็นการเก็บภาพจากกล้องถ่ายภาพพิเศษของ Google (ตามภาพบน) สำหรับประเทศไทยนั้นมีแผนจะทำให้ได้ทั่วประเทศโดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ถึงจะสามารถทำได้ทั่วประเทศไทย โดยเริ่มจากเมืองใหญ่ๆ อย่าง กรุงเทพ ปริมณฑล ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น  วิธีการใช้งาน Google Street View บน iOs iPad, iPhone  STEP1: เปิด iPad, iPhone ขึ้นมาจากนั้นเข้าไปที่ Google Map ครับ    STEP2: เค้นหาสถานที่ที่ต้องการ (ยังเป็นในกรุงเทพ และเมืองใหญ่) อย่างเช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นเลือกไปที่ Mark Point หากจุดไหนที่เราค้นหามี โลโก้สีส้มขึ้นมาจากภาพ แสดงว่าสามารถใช้งาน Google Street View ได้ กดไปเลยครับ    STEP3: เมื่อกดเข้าไปก็จะพบกับมุมมอง 360 องศา เราสามารถคอนโทรลกล้อง หมุนได้รอบตัว ทั้งยัง (1) เปลี่ยนมุมมองและจุดที่เรายืนไปตามถนนได้ โดยการกดที่ลูกศร และยัง (2) สามารถปรับมาเป็น Mode แผนที่ปกติได้อีกด้วย  การใช้งาน Google Street View นับว่ามีประโยชน์มากๆ เลยละครับในการค้นหาสถานที่จริงไม่หลงกันอีกต่อไปแล้วละครับ สามารถใช้งานได้บน Computer และ iPad, iPhone เริ่มต้นที่ 30 ประเทศและคงจะไปทั่วโลกในไม่ช้านี้ครับ แต่ก็ใช่ว่าจะดีไปซะทุกอย่างนะครับ ใครทำอะไรแปลกๆ ไว้มีโอกาสมีภาพติดไปใน ภาพหลุด Google Street View ได้ด้วยนะครับ

http://www.kalasin3.go.th/view.php?article_id=2284







วิธีการใช้งาน Google Maps กับ Google Street View


แผนภูมิด้านล่างนี้อธิบายคุณลักษณะบางอย่างที่มีใน Google แผนที่สำหรับเดสก์ท็อป คุณลักษณะบางอย่างอาจไม่มีให้ใช้งานที่ตำแหน่งของคุณ

  1. ค้นหาเส้นทาง - หากต้องการไปไหนสักที่ คลิกที่นี่เพื่อขอเส้นทางการขับขี่ การเดิน การขี่จักรยาน หรือระบบขนส่งสาธารณะ
  2. สถานที่ของฉัน - สร้างแผนที่ในแบบของคุณ ดูสถานที่ติดดาวของคุณ และธุรกิจที่คุณเคยให้ความเห็นไว้
  3. ค้นหาแผนที่ ค้นหาสถานที่ ธุรกิจ ทางแยก ที่อยู่ และอื่นๆ อีกมากมายบน Google แผนที่
  4. แสดง/ซ่อน - คลิกลูกศรซ้าย (<<) เพื่อซ่อนแผงด้านซ้าย และคลิกลูกศรขวา (>>) เพื่อแสดงแผงดังกล่าว
  5. การนำทางในแผนที่ - คลิกและลากแผนที่เพื่อเลื่อน หรือใช้ลูกศร ลากตัวเลื่อนย่อ/ขยายขึ้นหรือลงเพื่อเพิ่มปริมาณการย่อหรือขยาย
  6. เลเยอร์ - วางเมาส์เหนือวิดเจ็ตที่มุมขวาของแผนที่เพื่อดูเลเยอร์ที่มีให้ใช้งานสำหรับตำแหน่งของคุณ เช่น จราจร ภาพถ่ายและอื่นๆ
  7. พิมพ์/ส่ง - พิมพ์แผนที่หรือส่งแผนที่ไปให้คนอื่น
  8. ลิงก์มายังหน้านี้ - สร้างที่อยู่เว็บ (URL) สำหรับแผนที่ของคุณ ซึ่งสามารถแชร์กับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย
  9. ผลการค้นหา - คุณจะพบผลการค้นหาของคุณที่แผงด้านซ้าย คลิกที่ผลการค้นหาที่คุณต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม
  10. แผนที่ - พื้นที่แผนที่จะแสดงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์พร้อมกับผลการค้นหาที่สอดคล้องกัน และข้อมูลอื่นๆ จากตำแหน่งนั้น
  11. สตรีทวิว - ลากเพ็กแมนสีเหลืองบนตัวควบคุมการซูมของแผนที่ที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งบนแผนที่ เพื่อดูและควบคุมทิศทางภาพถ่ายในระดับถนน
  12. หน้าต่างข้อมูล - เมื่อคุณคลิกหน้าต่างข้อมูลสีแดง จะแสดงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่นั้น
  13. มุมมอง - สลับไปมาระหว่างมุมมองแผนที่ ดาวเทียม และ Earth
  14. แผนที่ภาพรวม - ดูตำแหน่งของมุมมองแผนที่ปัจจุบัน (ในกล่องสีม่วง) ในมุมมองของพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น คุณสามารถคลิกเพื่อซ่อนแผนที่ภาพรวม หรือคลิกเพื่อแสดงอีกครั้งได้ตลอดเวลา
  15. รายงานปัญหา - โปรดช่วยปรับปรุง Google แผนที่ให้ดีขึ้นโดยการรายงานปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลหรือผลิตภัณฑ์


วิธีการใช้งาน Google Street View Thailand

 1. ให้เราเข้าไปยังเว็บไซต์ http://maps.google.com 
 2. จะมีสัญลักษณ์ตุ๊กตา   สีส้มที่อยู่ทางซ้ายของแผนที่ 

 3. ให้เราลากไอคอนตุ๊กตาสีส้ม จากทางด้านซ้ายของแผนที่ไปยังถนน จังหวัด เมืองที่ต้องการที่เป็นเส้นไฮไลท์สีฟ้า

 4. จากนั้นรูปภาพ Street View จะแสดงรูปขึ้นมา เราดูภาพแบบ 360 องศา โดยใช้เมาส์หมุนภาพไปรอบ ๆ ได้ หากต้องการเลื่อนไปยังตำแหน่งอื่น ให้ลากตุ๊กตาสีส้ม จากแผนที่เพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง ดูรูปประกอบด้านล่าง

วิธีการใช้งาน Google Street View Thailand บนมือถือ iPhone และ Android 

 1. เปิดแอพฯ Maps (แผนที่) บน iPhone หรือ Android 

 2. เลือกสถานที่ ที่ต้องการดูแบบ Street View โดยการแตะที่หน้าจอบริเวณสถานที่ที่ต้องการค้างไว้ จากนั้นจะมีหมุดสีม่วง (Dropped Pin) มาปักยังตำแหน่งที่เราเลือก ให้แตะที่ไอคอนรูปคนสีส้ม เพื่อชมแบบ Street View หากไอคอนรูปคนเป็นสีส้มจาง ๆ แสดงว่าไม่สามารถดูแบบ Street Viewได้





 3. ใช้มือแตะที่หน้าจอเพื่อซูมและหมุนภาพ 360 องศาได้ตามต้องการ ซึ่งจะเหมือนกับการใช้งานผ่านเว็บ



ภาพจาก Google Street View Thailand บริเวณ The Mall งามวงศ์วาน

 4. สำหรับผู้ที่ใช้งานมือถือยี่ห้ออื่น ๆ เช่น Nokia, BlackBerry เป็นต้น สามารถใช้งานได้โดยดาวน์โหลดแอพฯ Google Maps ติดตั้งลงบนมือถือ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ m.google.co.th/maps บนมือถือ


ตัวอย่างภาพจาก  Google Street View Thailand บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ


 ตัวอย่างภาพจาก Google Street View อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต
  

          สำหรับใครที่อยากทราบว่าจังหวัด สถานที่ใดก็ตาม ถูกแสดงบน Google Street View แล้วหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จาก Google Maps Street View เพียงเท่านี้เราก็จะทราบแล้วว่าพื้นที่ไหน จังหวัดไหน มีการอัพเดทของ Google Street View แล้วบ้าง 



http://men.kapook.com/view38746.html





วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

 ระบบแผนที่นำทาง

1.GPS คือ
GPS คือ ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกผ่านดาวเทียม  Globle Positioning System  โดยพิกัดบนพื้นโลกที่ได้ จะมาจากการคำนวณสัญญาณนาฬิกาที่ส่งจากดาวเทียม มาที่เครื่องรับสัญญาณGPS ส่วนดาวเทียมที่ใช้สำหรับระบบ GPS ที่สามารถใช้ระบุตำแหน่งได้นั้น จะถูกออกแบบมาโดยเฉพาะให้โครจรอบโลก เพื่อส่งข้อมูลที่จะนำไปใช้คำนวณพิกัดออกมาตลอดเวลา การสะท้อนกลับของคลื่นไมโครเวฟ ระหว่างดาวเทียมและพื้นผิวโลก แน่นอนเมื่อเรารู้ตำแหน่งบนพื้นโลก เราก็สามารถระบุตำแหน่งของดาวเทียมบนอวกาศได้ ดังนั้นในทางกลับกันดาวเทียมก็สามารถระบุตำแหน่งต่างๆ บนพื้นโลกได้เช่นกัน เมื่อมันโคจรผ่านตำแหน่งนั้น
ระบบGPSจะทำงานได้นั้น ต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆคือ

1. ส่วนอวกาศ หรือดาวเทียม GPS : จะมีดาวเทียมที่ใช้ดังนี้

- NAVSTAR : จากของประเทศอเมริกา มีดาวเทียมทั้งหมด 28 ดวง จะใช้จริงแค่ 24 ดวง ไว้สำรอง 4 ดวง รัศมีวงโคจร12,600 ไมล์ โคจรอบโลกที่ความเร็ว 12ชั่วโมงต่อ 1 รอบ
- Galileo : ถูกพัฒนาโดย ESA หรือ European Satellite Agency ร่วมกับประเทศจีน อิสราเอล อินเดีย โมร็อกโก ซาอุดิอาระเบีย เกาหลีใต้ และยูเครน รวมจำนวน 27 ดวง
- GLONASS : (GLObal NAvigation Satellite System) ที่พัฒนาโดยรัสเซีย
- Beidou : เป็นดาวเทียม GPS ที่กำลังพัฒนาโดยประเทศจีน
 
สถานีควบคุมดาวเทียมในสหรัฐ2. ส่วนภาคพื้นดิน :ทำหน้าที่คอยดูแลและควบคุมการทำงานของดาวเทียม  รวมถึงวงโคจรของดาวเทียม และให้ค่าสัญญาณนาฬิกาที่ถูกต้อง กับดาวเทียม GPS

3. ส่วนผู้ใช้งานหรือครื่องรับสัญญาณ GPS : ผู้ใช้งานสามารถรับสัญญาณ GPS ได้จากอุปกรณ์หลายๆอย่าง เช่น โทรศัพท์มือถือที่รับสัญญาณ GPS ได้, GPS Receiver (ต่อกับ computer, มือถือ) หรือ เครื่อง PNA (Personal Navigation Assistant) หรือเรียกง่ายๆว่าGPS NavigatorGPS ติดรถ หรือ Car GPS





2.GPS ประกอบด้วย
องค์ประกอบของ GPS
จีพีเอส (GPS) มีหลักการทำงานโดยอาศัยคลื่นวิทยุ และรหัสที่ส่งมาจากดาวเทียม NAVSTAR จำนวน 24 ดวง ที่โคจรอยู่รอบโลกวันละ 2 รอบและมีตำแหน่งอยู่เหนือพื้นโลกที่ความสูง 20,200 กิโลเมตร สามารถใช้ในการหาตำแหน่งบนพื้นโลกได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ทุกๆ จุดบนผิวโลก ใช้นำร่องจากที่หนึ่งไปที่อื่นตามต้องการ ใช้ติดตามการเคลื่อนที่ของคนและสิ่งของต่างๆ การทำแผนที่ การทำงานรังวัด (Surveying) ตลอดจนใช้อ้างอิงการวัดเวลาที่เที่ยงตรงที่สุดในโลก
องค์ประกอบของระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (GPS) ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ
1. ส่วนอวกาศ (Space segment )
2. ส่วนสถานีควบคุม (Control segment) และ
3. ส่วนผู้ใช้ (User segment)
ส่วนอวกาศ (Space segment)  เป็นส่วนที่อยู่บนอวกาศจะประกอบด้วย ดาวเทียม    24 ดวง โดยมีดาวเทียม 21 ดวงทำหน้าที่ส่งสัญญาณคลื่นวิทยุจากอวกาศ (Space Vehicles,SVs)  ส่วนอีก 3 ดวง เป็นดาวเทียมปฏิบัติการเสริม วงโคจรของดาวเทียมแต่ละดวงจะใช้เวลาโคจร 12 ชั่วโมง ต่อ 1 รอบ โดยจะมี     ทั้งหมด 6 วงโคจร แต่ละวงโคจรมีดาวเทียม 4  ดวง วงโคจรมีมุมเอียง 55°  กับระนาบศูนย์สูตรและห่างกัน 60°  วงโคจรในลักษณะดังกล่าวจะทำให้มีดาวเทียมอย่างน้อย 4 ดวงอยู่บนท้องฟ้าทุกๆ จุดบนพื้นผิวโลก ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง    ดาวเทียมชุดแรก เรียก GPS Block I          มีทั้งหมด 10 ดวง  ดาวเทียมแต่ละดวงจะมีนาฬิกาที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งเป็นชุดของนาฬิกาอะตอมมิค แบ่งออกเป็นแหล่งกำเนิดความถี่รูบิเดียม 2 เรือน และ ซีเซียม 2 เรือน ทำให้เวลามาตรฐานของ       ดาวเทียมมีความถูกต้องสูงมาก นาฬิกาดังกล่าวช่วยในการคำนวณระยะทางระหว่างดาวเทียม           กับเครื่องรับสัญญาณเพื่อที่จะคำนวณค่าพิกัดตำแหน่งได้
ส่วนสถานีควบคุม (Control segment) ประกอบไปด้วยสถานีภาคพื้นดินที่ควบคุมระบบ (Operational Control System : OCS) ที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของโลกมีหน้าที่ปรับปรุงให้ข้อมูล        ดาวเทียม มีความถูกต้องทันสมัยอยู่ตลอดเวลา โดยแบ่งออกเป็น
            สถานีควบคุมหลัก ตั้งอยู่ที่ฐานทัพอากาศในเมืองโคโลราโดสปริงส์ มลรัฐโคโรลาโด    ของสหรัฐ (Colorado Springs)  สถานีติดตามดาวเทียม 5 แห่ง ทำการรังวัดติดตามดาวเทียม        ตลอดเวลา โดยตั้งอยู่ที่  หมู่เกาะฮาวาย (Hawaii) ในมหาสมุทรแปซิฟิก หมู่เกาะแอสเซนซัน (Ascension) มหาสมุทรแอตแลนติก     หมู่เกาะดิเอโกการ์เซีย (Diego Garcia) มหาสมุทรอินเดีย      หมู่เกาะควาจาเลียน (Kwajalein) ประเทศฟิลิปปินส์ และเมืองโคโลราโดสปริงส์  สถานีรับส่งสัญญาณ 3 แห่ง ได้แก่ หมู่เกาะควาจาเลียน หมู่เกาะดิเอโกการ์เซีย และ    หมู่เกาะแอสเซนซัน
ส่วนผู้ใช้ (User segment)  ประกอบด้วยเครื่องรับสัญญาณหรือตัว GPS ที่เราใช้อยู่มีหลายขนาด สามารถพกพาได้ หรือติดไว้ในรถ เรือ หรือเครื่องบิน เครื่อง GPS จะทำหน้าที่ในการเปลี่ยนสัญญาณจาก SVs เป็นตำแหน่ง ความเร็ว และเวลาโดยประมาณ ถ้าหากต้องการทราบค่า X Y Z(Position) และเวลาต้องใช้ดาวเทียมอย่างน้อย 4 ดวง  ความถูกต้องของตำแหน่งขึ้นอยู่กับนาฬิกาและตัว GPS ซึ่งอาจจะหาตำแหน่งที่มีความผิดพลาดได้น้อยกว่า 3 ฟุต นาฬิกาที่ใช้จะมีความถูกต้องสามารถวัดได้ในเวลา 0.000000003 วินาที ซึ่งเวลาที่ใช้ในการอ้างอิงสำหรับระบบดาวเทียม GPS เรียกว่าเวลา GPS


3.การทำงานของ GPS
หลักการทำงาน GPS
       หลักการของเครื่อง GPS คือ การคำนวณระยะทางระหว่างดาวเทียมกับอุปกรณ์รับ GPS โดยจะต้องทราบตำแหน่งของดาวเทียมแต่ละดวง ประกอบกับได้ระยะทางจากดาวเทียม 3 ดวง ขึ้นไปแล้ว อุปกรณ์ GPS ก็จะสามารถคำนวน หาจุดตัดกันของผิวทรงกลม ของระยะทางของดาวเทียม GPS แต่ละดวงได้
       ดังนั้น ในทางทฤษฏี สิ่งที่อุปกรณ์ GPS จำเป็นต้องทราบในการคำนวนหาตำแหน่งแต่ละครั้ง คือ
1. ตำแหน่ง ดาวเทียม GPS ในอวกาศ อย่างน้อย 3 ดวง
2. ระยะห่างจาก ดาวเทียม GPS แต่ละดวง

       โดยการจะได้มาซึ่ง ข้อมูลทั้ง 2แบบ ในทางปฏิบัติ คือ       1.การได้มา ซึ่ง ตำแหน่งดาวเทียม GPS ในอวกาศ       การได้มา ซึ่งตำแหน่งดาวเทียม GPS ในอวกาศ จะต้องได้มีข้อมูลประกอบ 2 ตัว คือ
a.   ข้อมูลวงโคจร       : จะทำให้อุปกรณ์ GPS ทราบว่า เส้นทางการเดินทางของดาวเทียม GPS แต่ละดวงจะอยู่ ณ ตำแหน่งใด เมื่ไร
b. เวลาปัจจุบัน : ซึ่งเมื่ออุปกณ์ GPS ทราบ เวลาปัจจุบัน แล้ว ก็จะใช้เวลาปัจจุบัน ไปคำนวนหาตำแหน่ง ของดาวเทียม GPS จากข้อมูลวงโคจรได้
       ดังนั้น เมื่ออุปกรณ์รับ GPS ทราบ ข้อมูลวงโคจร ดาวเทียม GPS และเวลาปัจจุบัน อุปกรณ์รับ GPS ก็จะทราบตำแหน่ง ดาวเทียมในอวกาศได้ ซึ่งข้อมูลทั้งหมด จะได้มาจากสัญญาณดาวเทียมที่อุปกรณ์รับ GPS ตัวนั้นรับได้
       2. การได้มา ซึ่ง ระยะห่างของอุปกรณ์รับ GPS กับ ดาวเทียม GPS แต่ละดวง       เนื่องจาก การเตินทางของคลื่นสัญญาณ GPS นั้น จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่(vคงที่) คือ ความเร็วแสง (186,000ไมล์ต่อวินาที) ซึ่งเมื่อเป็นดังนั้น ถ้าอุปกรณ์รับ GPS รู้ระยะเวลา(t) ที่สัญญาณใช้ในการเดินทางจาก ดาวเทียม GPS มายังอุปกรณ์รับ GPS ก็จะสามารถคำนวนระยะทางระหว่าง ดาวเทียม GPS กับ อุปกรณ์รับ GPS ได้ จากสูตร
       ความเร็ว X เวลา = ระยะทาง       ซึ่งเมื่อเราทราบระยะห่างของดาวเทียมกับอุปกรณ์ GPS มากเท่าไร เราก็จะหาจุดของผิวทรงกลม ทำให้อุปกรณ์ GPS สามารถทราบว่าตัวเองอยู่นะจุดใดบนพื้นโลกได้ เช่น
       ดาวเทียม GPS 1 : ลอยอยู่ ณ จุดหนึ่งในอวกาศ ซึ่งเรารู้ตำแหน่ง จากข้อมูลวงโคจร GPS และ เวลาปัจจุบัน ระยะเวลาในการส่งสัญญาณจากดาวเทียมดวง GPS 1 ถึงเครื่องรับ GPS คือ 0.10 วินาที ระยะทางระหว่างดาวเทียมกับ GPS 1 คือ 18,600 ไมล์ (186,000 ไมล์ต่อวินาที X 0.10 วินาที = 18,600 ไมล์)
       ดังนั้น ตำแหน่งปัจจุบัน ของเครื่องรับ GPS ก็จะสามารถเป็นจุดใดๆ ก็ได้ บนผิวทรงกลมที่มีรัศมี 18,600 ไมล์

รูปโลก โดน สัมผัสด้วยทรงกลม ใส
       ดาวเทียม GPS 2 : ระยะเวลาในการส่งสัญญาณจากดาวเทียมดวง GPS 2 ถึงเครื่องรับ GPS คือ 0.08 วินาที ระยะทางระหว่างดาวเทียมกับ GPS 2 คือ 13,200 ไมล์ (186,000 ไมล์ต่อวินาที X 0.08 วินาที = 13,200 ไมล์)
       ดังนั้น ตำแหน่งปัจจุบัน ของเครื่องรับ GPS ก็จะสามารถเป็นจุดใดๆ ก็ได้ บนเส้นรอบวงที่เป็นการตัดกันของ ทรงกลมรัศมี 18,600ไมล์ ของดาวเทียม GPS 1 กับ ทรงกลมรัศมี 13,200ไมล์ ของดาวเทียม GPS 2

รูปโลก โดน สัมผัสด้วยทรงกลม ใส 2 วง

       ดาวเทียม GPS 3 : ระยะเวลาในการส่งสัญญาณจากดาวเทียมดวง GPS 3 ถึงเครื่องรับ GPS คือ 0.06 วินาที ระยะทางระหว่างดาวเทียมกับ GPS 3 คือ 11,160 ไมล์ (186,000 ไมล์ต่อวินาที X 0.06 วินาที = 11,160 ไมล์)
       ดังนั้น ตำแหน่งปัจจุบัน ของเครื่องรับ GPS ก็จะสามารถเป็นได้แค่ 2 จุด ที่เกิดจากจุดตัดของ ผิวทรงกลมรัศมี 18,600ไมล์ ของดาวเทียม GPS 1 กับ ผิวทรงกลมรัศมี 13,200ไมล์ ของดาวเทียม GPS 2 และ ผิวทรงกลมรัศมี 11,160 ไมล์ ของดาวเทียม GPS3
รูปโลก โดน สัมผัสด้วยทรงกลม ใส 3 วง
       ดังนั้น หากอุปกรณ์ GPS ยิ่งสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียม GPS มากดวงเท่าไร ก็จะยิ่งสามารถ ระบุตำแหน่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น
       ในกรณี ที่อุปกรณ์รับ GPS สามารถรับสัญญาณ GPS ได้จากดาวเทียม GPS เพียง 3 ดวง อุปกรณ์รับ GPS จะมีความสามารถในการประมาณตำแหน่งบนพื้นโลกได้ และจะตัดจุดที่ไม่ใช่ตำแหน่งบนพื้นโลกทิ้งไป ทำให้เหลือเพียงตำแหน่งแหน่งเดียวที่เป็นไปได้

       จะเห็นได้ว่าจะเหลือตำแหน่งอยู่ 2 จุดที่บริเวณวงกลมทั้ง 3 ตัดกันคือตำแหน่งที่ อยู่ในอวกาศซึ่งแน่นอนว่าเราไม่สามารถไปอยู่ในอวกาศได้ตำแหน่งนี้จะถูกตัดทิ้งอัตโนมัติ โดยเครื่อง GPS อีกตำแหน่งคือตำแหน่งบนพื้นโลกซึ่งเป็นตำแหน่งที่เรายืนถือเครื่อง GPS อยู่นั้นเองซึ่งความถูกต้องแม่นยำของตำแหน่งก็ขึ้นกับจำนวนดาวเทียมที่สามารถรับ สัญญาณ ได้ในขณะนั้นหากมีมากกว่า 3 ดวงก็จะละเอียดมากขึ้น และก็ขึ้นกับเครื่อง GPS ด้วย หากเป็นเครื่องที่มีราคาแพง ( ซึ่งมักใช้เฉพาะงาน) ก็จะมีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
http://www.gpsdeedee.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538825826


4.ประโยชน์ของ GPS
การนำ GPS มาประยุกต์ใช้ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต
GPS เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจและใกล้ตัวเราอย่างมาก และด้วยความสามารถของ GPS ทำให้ สามารถนำข้อมูลตำแหน่ง มาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบนำร่อง (Navigation System)
- ระบบติดตามยานพาหนะ (Automatic Vehicle Location)
- การสำรวจพื้นที่ (Survey)
- การทำแผนที่ (Mapping) เป็นต้น

การประยุกต์ใช้งานกับการดำรงชีวิต
มีการนำ GPS มาใช้ประโยชน์ในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นทางรถยนต์ ที่ผู้ผลิตรถยนต์หลายๆ ยี่ห้อ ได้ติดตั้งอุปกรณ์ GPS ไว้บนตัวรถ ทำงานร่วมกับแผนที่ประเทศไทย และแผนที่เมืองต่างๆ บนโลก เพื่อระบุตำแหน่งของรถยนต์บนแผนที่นั้น ก่อให้เกิดประโยชน์ในการเดินทาง การค้นหา สถานที่ และไปยังจุดหมายที่ต้องการได้แม่นยำและรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถพัฒนาไป ถึงการแก้ไขปัญหาจราจร ที่ส่วนหนึ่งเกิดจาดผู้ขับขี่ที่ไม่ชำนาญเส้นทาง จนทำให้ขับขี่ได้ช้าลง หรือหลงทางได้

ประยุกต์ใช้ในการเดินทางโดยจักรยาน
ซึ่งสามารถบันทึกเส้นทางที่เราต้องการเดินทางไป หรือนำไปยังเส้นทางที่คนอื่นได้บันทึกไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถบอกถึงทิศทางที่จะต้องไป ระยะทางที่เหลือ และระยะทางที่จะถึงปลาย ทางด้วย (ขึ้นกับคุณสมบัติของอุปกรณ์ GPS)

ประยุกต์ใช้ในการเดินป่าโดยใช้งานคุณสมบัติของอุปกรณ์แต่ละรุ่น/ยี่ห้อ เช่น การเก็บระยะทาง โดยรวม, นาฬิกา, เข็มทิศ, เวลาพระอาทิตย์ขึ้น-ตก เป็นต้น หรือแม้แต่การติดตามตัวก็สามารถนำ ไปประยุกต์ใช้งานได้

จะเห็นแล้วว่า ประโยชน์ของ GPS มีมากมายหลากหลาย ขึ้นกับว่าจะนำไปประยุกต์ใช้ในทางที่ก่อ ให้เกิดประโยชน์กับตัวเรา หรือในเชิงธุรกิจ อีกทั้งอุปกรณ์ GPS ยังสามารถหาซื้อได้อย่างง่ายดาย หลากหลายรุ่น หลากหลายราคา และหลากหลายฟังก์ชั่นการใช้งาน ตามความต้องการที่จะนำไป ประยุกต์ใช้ได้อีกด้วย

ปัจจุบันนี้ได้มีการใช้งาน GPS ในรูปแบบต่างๆดังนี้
- การกำหนดพิกัดของสถานที่ต่าง ๆ การทำแผนที่ งานสำรวจ โดยส่านใหญ่นิยมใช้อุปกรณืที่ สามารถพกพาไปได้ง่าย มีความทนทาน กันน้ำได้ สามารถใช้กับถ่านไฟฉายขนาดมารตฐานได้
- การนำทาง ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมีหลากหลายแบบและขนาด สามารถนำทางได้ทั้ง ภาพและเสียง ใช้ได้หลายภาษาบางแบบมีภาพเสมือนจริง ภาพสามมิติ และประสิทธิภาพอื่นๆเพิ่ม เติมเช่น multimedia Bluetooth handfree เป็นต้น
- การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงข่ายหมุดดาวเทียม GPS ของกรมที่ดิน (DOLVRS)
- การกำหนดจุดเพื่อบรรเทาสาธารณะภัย เช่น เสื้อกั๊กชูชีพที่มีเครื่องส่งสัญญาณจีพีเอส
- การวางผังสำหรับการจัดส่งสินค้า
- การนำไปใช้ประโยชน์ในขบวนการยุติธรรม เช่นการติดตามบุคคล การติดตามการค้ายาเสพติด
- การนำไปใช้ประโยชน์ทางทหาร ดูรายละเอียดเกี่ยวกับอนาคตGPS ทางทหารจากกระทรวง กลาโหมสหรัฐที่นี่ The Future of the Global Positioning System
- การกีฬา เช่นใช้ในการฝึกฝนเพื่อวัดความเร็ว ระยะทาง แคลลอรี่ที่เผาผลาญ หรือ ใช้ใน สนามกอล์ฟเอคำนวนระยะจากจุดที่อยู่ถึงหลุม
- การสันทนาการ เช่น กำนดจุดตกปลา หาระยะเวลาที่เหมาะสมในการตกปลา การวัดความเร็ว ระยะทาง บันทึกเส้นทาง เครื่องบิน/รถบังคับวิทยุ
- ระบบการควบคุมหรือติดตามยานพาหนะ การติดตามบุคคล เพื่อให้ทราบว่ายานพาหนะอยู่ที่ใด มีการเคลื่อนที่หรือไม่ มีการแจ้งเตือนให้กับผู้ติดตามเมื่อมีการเคลื่อนที่เร็วกว่าที่กำหนดหรือ เคลื่อนที่ออกนอกพื้นที่หรือเข้าสู่พื้นที่ที่กำหนด นอกจากนั้นยังสามารถนำไปใช้ในการป้องกัน การโจรกรรมและติดตามทรัพย์สินคืน
- การนำข้อมูล GPS มาประกอบกับภาพถ่ายเพื่อการท่องเที่ยว การทำรายงานกิจกรรม เป็นต้น โดยจะต้องมีเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมติดตั้งอยู่กับกล้องบางรุ่น หรือการใช้ GPS Data Logger ร่วมกับ Software


5.ระบบติดตามรถยนต์
ระบบติดตามรถยนต์ Gps Tracking
อุปกรณ์ตรวจสอบ ค้นหา และติดตามการใช้งานของรถ เช่น ตำแหน่งรถ ความเร็วรถ เส้นทางการเดินรถการใช้น้ำมัน เป็นต้น
เพื่อความสะดวกในการบริหารการใช้รถภายในองค์กร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- เหมาะสำหรับรถที่ใช้ในกิจการทั่วไป รถขนส่งสินค้า รถเช่า และรถขนย้ายสิ่งของมีค่า
- ควบคุมรถได้ด้วยการสั่งงานผ่านระบบโทรศัพท์ ( Offline )
สามารถตรวจสอบตำแหน่งรถและความเร็วรถได้ทันที เพียงโทรศัพท์เข้าไปยังรถของท่านแล้ววางสาย
หลังจากนั้น รถจะส่งข้อความ SMS กลับมายังโทรศัพท์มือถือของท่านที่กำหนดไว้ โดยข้อความจะแจ้ง
ถึงพิกัดตำแหน่งรถและความเร็วรถ
( นำพิกัดตำแหน่งรถไปเช็คใน Google Map ท่านก็จะทราบตำแหน่งของรถทันที )
- ควบคุมรถได้ด้วยระบบ Online 24 ชั่วโมง รายงานการติดตามทุก ๆ 1 นาที
ท่านสามารถตรวจสอบ ค้นหาและติดตามรถของท่านได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านระบบ Internet
ท่านจะทราบว่า รถของท่านอยู่ที่ใดทันที เพียงท่านเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ดูเท่านั้น
สามารถตรวจสอบเส้นทางที่รถกำลังเดินทางอยู่ ว่ารถกำลังเดินทางไปเส้นทางไหน
สามารถตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการวิ่งของรถ จุดจอดแต่ละครั้ง ในแต่ละวันได้
สามารถตรวจสอบการใช้น้ำมันรถได้ว่าใช้น้ำมันในการเดินทางครั้งนี้ไปเท่าไร เป็นต้น
- สามารถเก็บบันทึกข้อมูลย้อนหลังได้
ข้อมูลระยะทาง เส้นทาง และการใช้น้ำมันของรถแต่ละคัน มีการเก็บบันทึกข้อมูลไว้ให้ทราบ
และ สามารถเก็บบันทึกข้อมูลย้อนหลังได้ถึง 60 วัน
- มี Battery ในตัวเครื่อง ไม่ต้องกังวลเมื่อถูกตัดสัญญาณหรือถูกตัดวงจร
เพราะเครื่องสามารถทำงานต่อได้อีก 8-10 ชั่วโมง
- ระบบมีความปลอดภัย เพราะมีรหัสผ่าน ที่ท่านสามารถกำหนดได้เอง
ทดสอบระบบ Real-Time ขอรหัสผ่านได้ที่ 081-9843687

บริษัท ไอเดียเทคโนโลยีซิสเต็ม จำกัด
99/158 ม.2 ถ.พุทธมณฑลสาย5 ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม 73210
โทร. 081-9843687 , 080-6150199
Website: http://www.idea-track.com/


วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556


1.Sound Card การ์ดเสียง มีหน้าที่

    Sound Card (การ์ดเสียง) คือ อุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถแสดงผลออกมาในรูปแบบเสียงได้ โดยจะทำหน้าที่ควบเรื่องเสียง อย่างเช่น ถ้าวงจรเสียงใช้กับเกมส์ที่เราเล่นจะเกิด เสียงต่าง ๆ   หรือสร้างเสียงเอฟเฟคต่าง ๆ เข้าเป็น วงจรเสียงที่ใช้กับดนตรีชนิดต่าง ๆ สำหรับสร้างสรรค์งานเพลงที่เราต้องการให้มีคุณภาพของเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยคุณภาพเสียงจะขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของ Sound Card
    ความชัดเจนของเสียงจะมีประสิทธิภาพดีเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ อัตราการสุ่มตัวอย่างและความแม่นยำของตัวอย่างที่ได้ ซึ่งความแม่นยำของตัวอย่างนั้นถูกกำหนดโดยความสามารถของ A/D Converter ว่ามีความละเอียดมากน้อยเพียงใด ทำอย่างไรจึงจะประมาณค่าสัญญาณดิจิตอลได้ใกล้เคียงกับสัญญาณเสียงมากที่สุด ความละเอียดของ A/D Converter นั้นถูกกำหนดโดยจำนวนบิตของสัญญาณดิจิตอลเอาต์พุต เช่น
          - A/D Converter 8 Bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 256 ระดับ
          - A/D Converter 16 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 65,536 ระดับ
          หากจำนวนระดับมากขึ้นจะทำให้ความละเอียดยิ่งสูงขึ้นและการผิดเพี้ยนของสัญญาณเสียงยิ่งน้อยลง นั่นคือ ประสิทธิภาพที่ของเสียงที่ได้รับดีขึ้นนั่นเองแต่จำนวนบิตต่อหนึ่งตัวอย่างจะมากขึ้นด้วย


http://www.mindphp.com/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD/73-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/2407-sound-card-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html



1.1 -ติดตั้งภายใน PCI X PCIE
PCI-X เป็น Technology Bus ที่ใช้ใน PC โดยให้ Chip นั้นแลกเปลี่ยนข้อมูลได้เร็วกว่า PCI แบบเก่า PCI-X ในปัจจุบันมี 2 version PCI-X 1.0 และ PCI-X 2.0 โดย Version 1.0 รองรับในระดับความเร็วตั้งแต่ PCI-X66 ถึง PCI-X133 ส่วนใน Version 2.0 จะรองรับที่ PCI-X 66 ถึง PCI-X 533 ซึ่งจะสามารถส่งข้อมูลได้ถึง 4.2 GB/S โดยตัวเลขที่ต่อท้าย X นั้นระบุถึงค่า MHz ของ clock โดย BUS สำหรับ PCI-X อยู่ที่ 64 Bit

PCI Express ที่มีความเร็วในการส่งข้อมูลต่างกันสามารถใช้งานด้วยกันได้ เนื่องจากการออกแบบที่ได้ถูกพิจารณาตั้งแต่แรกของ PCI Express สามารถที่จะใช้งานร่วมกันได้ เช่น ถ้ามี Card PCI Express ชนิด x8 ก็สามารถใช้ได้กับ Slot ที่มีความเร็วที่สูงกว่า คือ x16 แต่ยังคงวิ่งอยู่ที่ 4 เลนเหมือนเดิม
PCI Express พร้อมที่จะรองรับ Driver ของ PCI ที่ใช้ Software และ OS ที่มีอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งยังประหยัดพลังงานโดย PCI จะใช้แรงดันที่ 5 V แต่สำหรับ PCI Express ใช้เพียง 3.3 V ยังรวมการทำงานแบบ Hot-Pluggable (เสียบ Card โดยไม่ต้อง ปิดเครื่อง) ส่วนการทำงานในด้าน Graphic ระดับ High end นั้น PCI Express ได้ถูกออกแบบให้รองรับการใช้พลังงานที่สูงถึง 75 W ซึ่งจะแบ่งเป็นชนิด x1 จะใช้พลังงานตามการออกแบบอยู่ที่ 25W ในความเป็นจริงใช้เพียง 10W และที่เกินนั้นรองรับ PCI Express x8 slot ขณะที่ AGP เองรองรับได้ 25 W ถึง 42 W เท่านั้น ในส่วนของอุปกรณ์ที่ต่อพ่วงที่ต้องการต่อออกจาก PCI Express Slot นั้นจะใช้ Cable ได้ยาวถึง 5 เมตร
PCI Express ได้ออกมา 2 Version คือ X1 ซึ่งใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่ต้องการ Bandwidth สูง หรือเพียง 400 MB/s และ X16 ที่ใช้กับ Graphic Card ที่ 4 GB/s ระบบ Bus ยังคงเป็นแบบอนุกรมซึ่งสามารถส่งและรับข้อมูลได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน คล้าย Technology Hypertransport ของ AMD โดยจะส่งข้อมูลอยู่ในรูแบบของ Packet เป็นแบบเดียวกับการทำงานของ OSI model ใน Layer 3 (network Layer) การส่งข้อมูลของ PCI Express จะส่งไปตาม Line หรือ Lane ซึ่งต่อตรงกับอุปกรณ์ที่กำลังติดต่อด้วย และ ค่าที่ระบุว่ามีกี่ Line หรือ Lane คือ ตัวเลขหลัง “X” โดย x1 = 1 Line, x4 = 4 Line, x8 = 8 Line และ x16 = 1 6 Line สำหรับความเร็วนั้นเนื่องจาก PCI Express จะส่งข้อมูลไปกลับได้พร้อมกัน จึงต้องคิดเป็น 2 เท่า ฉะนั้น เมื่อความเร็วถูกระบุที่ 1 GB/s สำหรับ 4x ความเร็วรวมจะอยู่ที่ 2 GB/s
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=0112aa2f77378e42



1.2 -ติดตั้งภายนอก USB
ก่อนทำการติดตั้งการ์ดเสียง ให้ตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับการ์ดเสียง แนวทางที่ปรากฏอยู่ที่นี่เป็นข้อมูลโดยทั่วไป และเอกสารประกอบการ์ดเสียงอาจมีข้อมูลสำคัญสำหรับการติดตั้งการ์ดเสียงโดยเฉพาะ นอกจากนี้ คุณควรตรวจสอบข้อมูลที่ให้มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ให้แน่ใจ เพื่อดูว่าการเปิดคอมพิวเตอร์ส่งผลต่อการรับประกันของคอมพิวเตอร์หรือไม่
ก่อนที่จะติดตั้งการ์ดเสียง คุณจำเป็นต้องมีสิ่งต่อไปนี้
  • การ์ดเสียงที่คุณต้องการติดตั้ง
  • ไขควงปากแฉกสำหรับเปิดคอมพิวเตอร์ ถ้าจำเป็น
  • ช่องเสียบการ์ด PCI ที่ว่างอยู่ภายในคอมพิวเตอร์ของคุณ นอกจากว่าคุณวางแผนที่จะแทนที่การ์ดเสียงที่มีอยู่ (ซึ่งในกรณีนี้คุณสามารถเสียบการ์ดอันใหม่ลงในช่องเสียบการ์ดนั้น)
ถ้าการ์ดเสียงของคุณมาพร้อมกับซีดี ดีวีดี หรือสื่อแบบถอดได้ชนิดอื่น โปรแกรมควบคุมสำหรับการ์ดเสียงของคุณอาจมีอยู่ในสื่อดังกล่าว แต่ให้รอจนกว่าWindows จะเสร็จสิ้นการค้นหาและติดตั้งโปรแกรมควบคุม Windows จะดำเนินการโดยอัตโนมัติหลังจากคุณติดตั้งการ์ดเสียงลงในคอมพิวเตอร์ของคุณและเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้า Windows ไม่พบโปรแกรมควบคุมที่เหมาะกับการ์ดเสียงของคุณ ให้ลองติดตั้งโปรแกรมควบคุมที่มาพร้อมกับการ์ดเสียง ซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตอาจมีโปรแกรมอื่นสำหรับการ์ดเสียงของคุณมาด้วย

หัวต่อสำหรับการ์ดเสียงทั่วไป
การ์ดเสียงส่วนใหญ่จะมีหัวต่อสัญญาณออกอย่างน้อยหนึ่งช่องเพื่อเชื่อมต่อกับลำโพง และหัวต่อสัญญาณเข้าอีกหนึ่งช่องเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์รับสัญญาณเสียงเข้า
http://windows.microsoft.com/th-th/windows7/install-or-remove-a-sound-card


2. SPEAKER ลำโพง มีหน้าที่ 


ลำโพง ( loudspeaker, speaker) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าเชิงกลอย่างหนึ่ง ทำหน้าที่แปลงสัญญาณไฟฟ้าให้เป็นเสียง มีด้วยกันหลายแบบ คำว่า ลำโพงมักจะเรียกรวมกัน ทั้งดอกลำโพง หรือตัวขับ (driver) และลำโพงทั้งตู้ (speaker system) ที่ประกอบด้วยลำโพงและวงจรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับแบ่งย่านความถี่ (ครอสโอเวอร์เน็ตเวิร์ก)
ลำโพงนับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในระบบเครื่องเสียง โดยมีขนาดตั้งแต่เล็กเท่าปลายนิ้ว จนถึงใหญ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางนับสิบนิ้ว โดยมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%87

2.1 -แบบ ฟูลเรนจ์ (full range)
ตู้ลำโพงฟูลเรนจ์ขนาด 12 นิ้ว และ 15 นิ้ว ให้รายละเอียดเสียงที่คมชัด หนักแน่น เหมาะสำหรับวางเป็นมอนิเตอร์บนเวที หรือ ทำชุด PAสำหรับเล่นคาราโอเกะ หรือ งานประชุม สัมนา
PS12II-center


2.2 -แบบมี ซับวูฟเฟอร์ (subwoofer)
 ACM AUDIO LA350S ตู้ลำโพงซับเบส 10" x 2 300w @ 4 ohm

ซับวูฟเฟอร์ ACM เป็นตำนานทั่วโลกสำหรับการตอบสนองความถี่ของพวกเขาต่ำ
และผลกระทบสูง "หมัด." พวกเขาให้ผลผลิตที่มีขนาดใหญ่ยังเป็นนักดนตรีอย่างมากเนื่องจากใน
ส่วนใหญ่จะเปลือกแข็งและการออกแบบขั้นสูง transducer รูปแบบส่วนใหญ่ใช้ที่มีประสิทธิภาพ,
ไดรเวอร์โดยตรงแผ่
ขั้วหนึ่งพร้อมที่จะสนับสนุนลำโพงช่วงหนึ่งกลางหรือสูงเต็มรูปแบบ

ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค:

Freq.Range (-10dB): 40Hz ~ 200Hz
Freq.Response (-3dB): 48Hz ~ 160Hz
Rec.Hipass ความถี่: 20Hz
ความไว Axial: 96dB (1W/1m)
สูงสุด 127dB SPL Calchlated
ระบบไฟฟ้าจัดอันดับ: 300W 1200W จุดสุดยอดอย่างต่อเนื่อง
Transducer LF: 2 x 10 "/ 50 มม.
ความต้านทานปกติ: 4 Ohms
Connector: 2 x NL4 Speakon
มซำ (สูง x กว้าง x ลึก): 400mm x 650mm x 445mm
น้ำหนักสุทธิ: 32.5Kg
น้ำหนัก: 35 กก.
http://www.sounddd.com/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87-Sound/%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%87-Speakers/%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%B9%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-Sub-woofer-Speaker/ACM-LA-350S.html
2.3-แบบรอบทิศทาง (surround system)
2.3.1 Reference mode: จะเป็นการสร้างระบบเสียง 5.1 โดยความกว้างของเสียงจากลำโพงคู่หน้านั้นจะเป็นไปตามระยะห่างจริงของลำโพงคู่หน้า (ดูรูปที่ 4)
รูปที่ 4 โหมด Reference
รูปที่ 5 โหมด Wide
2.3.2 Wide mode: เป็นการสร้างระบบเสียง 5.1 เช่นเดียวกัน แต่ต่างกันที่ความกว้างของเสียงที่ได้จากลำโพงคู่หน้านั้นจะกว้างกว่าระยะห่างจริงของลำโพง ซึ่งหมายความง่ายๆ ก็คือจำลองเสียงของลำโพงคู่หน้าให้ห่างกันมากขึ้น ซึ่งโหมดนี้จะเหมาะกับลำโพงที่วางใกล้กันมากๆ เช่น ลำโพงคู่ที่วางบนโต๊ะคอมพิวเตอร์หรือลำโพงที่ติดมากับโทรทัศน์
http://www.arip.co.th/articles.php?id=406488

3.  head phuone  หูฟังมีหน้าที่
หูฟัง ( headphones) เป็นอุปกรณ์เครื่องเสียงชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในประเภทอุปกรณ์แสดงผลข้อมูลในรูปแบบเสียง โดยมีหน้าที่คล้ายกับลำโพง ประกอบด้วยตัวหูฟัง จะได้ยินเสียงเมื่อนำไปครอบกับหูและไมโครโฟนขนาดเล็กในตัวสำหรับใช้สำหรับติดต่อสื่อสารเพื่อการพูดได้ เช่นทางโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น รวมถึงใช้เป็นสิ่งบันเทิงในการฟังเพลงเล่นวิดีโอเกมส์ ปรับให้เข้ากับกระบวนการทำงานต่าง ๆ ที่ต้องใช้เสียง สามารถพกพาไปในสถานที่ต่าง ๆ ได้เพราะมีน้ำหนักเบา
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%B9%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%87

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556


1.โปรเจคเตอร์

Optoma EX779P

Optoma EX779P - คลิกที่นี่เพื่อดูรูปภาพใหญ่


ความสว่าง (ANSI Lumens) 5000
ความละเอียด 1024x768 (XGA)
โปรเจคเตอร์เทคโนโลยี
แผงหน้าจอ 0.7 "DLP
เลนส์ฉาย F = 2.6-2.81, f = 26.9-29.8mm
ซูมซูมอัตราส่วน 1.15:1 คู่มือการใช้งานและโฟกัส
4:3
ระยะทาง Throw (เมตร) 1.2-11
ขนาดจอแสดงผล (นิ้ว) 35-301
การแก้ไขภาพสี่เหลี่ยมคางหมูแนวตั้ง: ± 30 °
อัตราส่วนความคมชัด 3000
ขนาด H / W / D: 110x330x260
น้ำหนัก 3.5kg
I / O อินพุต
HDMI (สัญญาณเสียงสนับสนุน) x1
DVI-D x1
VGA (YPbPr / RGB / SCART) x2
S-วิดีโอ x1
x1 คอมโพสิตวิดีโอ
พอร์ต USB (เมาส์ระยะไกล / บริการแล้ว) x1
มินิแจ็คเสียงอินพุต x 1
เสียงอินพุท (RCA) x 1

เอาท์พุต
VGA Out x 1
มินิแจ็คเสียงเอาท์พุท x 1

การควบคุม
RS-232 x 1 อินเตอร์เฟซ
RJ45 (LAN สำหรับเครือข่ายการควบคุมอินเตอร์เฟซ) x 1
+12 V Trigger x 1
อายุหลอดภาพ (STD / ECO) (HR) 2000/3000
ระบบสี NTSC / PAL / SECAM
ลำโพง 3Wx1
ได้ยินเสียง 28/30db
แหล่งพลังงาน 100-240 Hz V 50/60
280W การใช้พลังงาน
ดิจิตอล I / O DVI-D, HDMI
ไร้สาย / เครือข่ายสนับสนุนเครือข่ายแบบใช้สาย (LAN)
คุณสมบัติพิเศษ 3D DLP
เปิดสิงหาคม 2012
รับประกันตัวเครื่อง 2 ปีหลอดภาพ 1 ปีหรือ 1000 ชม










2.มอนิเตอร์


ขนาดของ S27C750P



จอแสดงผล

  • ขนาดหน้าจอ 27 นิ้ว (16:9)
  • LED ชนิดมุมการรับชมแบบกว้าง
  • ความสว่าง 300cd/m²
  • อัตราส่วนคอนทราสต์ Mega ∞ DCR (คงที่ 3000:1)
  • ความละเอียด 1920 x 1080
  • เวลาตอบสนอง 5ms (GTG)
  • มุมการรับชม 178° / 178° (แนวนอน / แนวตั้ง)
  • สนับสนุน 16.7ล้านสี

กำลังไฟ

  • แหล่งจ่ายไฟ AC100 - 240V (50 / 60Hz)
  • การใช้พลังงาน 23วัตต์ (ปกติ)
  • การใช้พลังงาน (ปกติ) 0.3วัตต์ (DPMS)
  • การใช้พลังงาน (ปกติ) 0.3วัตต์ (สแตนด์บาย)
  • ชนิดอแด็ปเตอร์ภายนอก

น้ำหนัก

  • น้ำหนักพร้อมขาตั้ง 5.8
  • น้ำหนักไม่มีขาตั้ง 3.9
  • น้ำหนักหีบห่อบรรจุ 7.6

คุณสมบัติโดยทั่วไป

  • สนับสนุน Magic Rotation, Magic Upscale, Eco Saving, ซอฟต์แวร์ Multi Screen, Samsung MagicBright3, Off Timer, MagicTune, Image Size
  • ใช้ได้กับ Windows, Mac OS
  • รับรองการใช้งานร่วมกับ Windows 8
  • Energy Star 6.0 เครื่องหมายพลังงาน / สิ่งแวดล้อม

การออกแบบ

  • ขาตั้งสีดำมันวาว / สีเงินเมทัลลิก
  • ชนิดขาตั้งแบบเรียบง่าย
  • 710 x 445 x 162 Package Dimension (W x H x D)

อุปกรณ์เสริม

  • มีสาย HDMI
  • มีซีดีติดตั้ง (คู่มือ), คู่มือการติดตั้งฉบับย่อ

อินเทอร์เฟซ

  • 1 x D - Sub
  • 2 x HDMI
  • สัญญาณเสียงออก

ขนาด

  • 624.6 x 515.6 x 200 Set Dimension with Stand (W x H x D)
  • ขนาดพร้อมขาตั้ง 624.6 x 515.6 x 200 (กว้าง x สูง x ลึก)
  • 710 x 445 x 162 Package Dimension (W x H x D)